วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Gym Clothes

แฟชั่นที่ควรใส่ไปออกกำลังกาย


การออกกำลังกายนับได้ว่าเป็นที่นิยมของคนในยุคปัจจุบันที่หันมาสนใจดูแลสุขภาพกันอย่างแข็งขัน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการเลือกใช้บริการ การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลัก เพราะในโลกยุคปัจจุบันมีหลายสิ่งมากมายที่จะเอื้อให้(พุง)เราหย่อนยาน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการกินแบบบุฟเฟ่ ฟาสฟู๊ด(มีแต่ของอร่อย :D) การจมอยู่กับการทำงาน หรือโซเชียล อินเตอร์เน็ต เล่นเกม(ก็มันสนุกดี) จนละเลยการออกกำลังจึงสมควรแล้วที่กระแสความนิยมนี้จะกว้างขวางขึ้น
โดยเฉพาะการเข้ายิมเล่นฟิตเนตที่ตอบโจทย์สังคมเมืองและคนหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก เพราะการออกกำลังกายชนิดนี้เป็นการออกกำลังกายเฉพาะส่วน และเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว จะแลกมาซึ่งหุ่นที่ดูดี สวมใส่เสื้อผ้าได้รูป เข้าทรง และสุขภาพที่แข็งแรง

แน่นอนว่าการออกกำลังกายนั้นสำคัญ แต่ก็หมดยุคที่จะใส่เสื้อตัวหลวม ๆ กางเกงบาน ๆ ที่แทบจะเลิกใช้แล้วนอกจากในห้องนอนกับใส่ออกไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอย เพราะอย่าลืมว่าเมื่อไหร่ที่คุณออกจากบ้าน มีสายตาจำนวนมากกำลังจับตามองคุณ ต้องเลือกเอาว่าจะใส่ชุดแบบลุง ๆ ป้า ๆ หรือชุดที่พอดี ได้รูปไปให้คนอื่นมองจนสุดสายตา

งั้นวันนี้เราลองมาดูชุดที่จะใส่ไปเข้ายิมหรือออกกำลังกายกันดีกว่า ว่าชุดแบบไหนที่เหมาะแก่ชายหญิงผู้รักสุขภาพและนิยมหุ่นดี โดยจะขอเริ่มที่เลดี้เฟิร์สนะครับ 

ผู้หญิง

ส่วนบน –โชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งบริเวณเอว ส่วนล่างเน้นกระชับ

เนื่องจากเมื่อคุณมีความมานะ ปิติ อดทนมีวินัยมาเป็นเวลานานแล้ว สมควรแก่การเผยโฉมให้คนอื่นเห็นบ้าง นอกจากจะได้อวดกันอย่างภาคภูมิใจแล้ว อีกอย่างยังรวมไปถึงเป็นการตรวจตนเองอยู่เสมออีกด้วย เพื่อที่เมื่อไหร่เจ้าไขมันส่วนเกินออกมาเกินกำหนด จะได้ตัดไฟแต่ต้นลม

โดยหากว่าคุณยังไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบที่ต้องการ เสื้อกล้าม หรือเสื้อคลุมก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่คุณได้อยู่เช่นกัน ทั้งนี้ยังช่วยรีดเหงื่อได้ดีอีกด้วย และกางเกงขายาวรัดรูปแบบเรกกิ้ง นับว่าเป็นชุดที่เหมาะสมดูดีที่สุดของคุณเลดี้ที่จะใช้ใส่เข้ายิม นอกจากจะมีความทะมัดทะแมงสูง ไม่ต้องกลัวโป๊ในทุกท่วงท่า ในขณะเดียวกัน รูปทรงที่เข้ารูปก็ยังช่วยให้คุณดูดี ได้แสดงสัดส่วนที่สวยงามอย่างชัดเจนอีกด้วย    



  

ผู้ชาย

ส่วนบน – เน้นเฟิร์มและสะดวกสบาย


เสื้อกล้าม เน้นการซับเหงื่อ ระบายอากาศ และป้องกันผิวหนังสัมผัสกับเครื่องเล่นโดยตรงที่จะเสี่ยงต่อโรคผิวหนังได้ เพราะมีแต่เหงื่อใครบ้างก็ไม่รู้ ไหนจะความอึดอัดเวลาผิวติดกับเบาะรองของอุปกรณ์เครื่องเล่นอีก อันนี้น่ารำคาญมาก แม้ว่าจะอยากโชว์หุ่นแค่ไหนก็ตาม ต้องทนนะครับ

ส่วนล่าง

ผมพยายามสรรหากางเกงที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกายของผู้ชาย มีข้อแม้ว่าต้องดูดี และใส่ได้ทุกคน โดยไม่เคอะเขิน ดูอยู่นานก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรคู่ควรไปกว่ากางเกงขาสั้นผ้าร่ม เพราะนอกจากจะช่วยระบายอากาศและซับเหงื่อ ไม่เก็บกลิ่นอับ ที่มักจะเป็นปัญหาของชายฉกรรจ์หลายท่านที่นิยมเสียเหงื่ิอให้กับกีฬาแล้ว อย่างอื่นเห็นจะไม่เข้าตา จะให้ใส่กางเกงเร็กกิ้ง หรือขาสั้นแบบรัดรูป ผมว่าพวกคุณยังไม่พร้อมนะ (ผมอะคนแรกเลย 55+) แม้ว่ามันจะเป็นชุดที่ดี สะดวกสบายไม่เกะกะ แต่มีโอกาสโชว์สัดส่วนพอ ๆ กับซุปเปอร์แมนเลยทีเดียว ไว้ก่อนดีกว่านะ บทสรุปท่อนล่างของชายชาตรีจึงซับซ้อนน้อยกว่าของคุณเลดี้ทั้งหลายมาก ซึ่งการันตีว่าจะดูดี สมส่วนแน่นอน โดยคุณควรคำนึงถึงขนาดที่จะไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปด้วยในการเลือกสวมใส่ครับ





เสื้อกันหนาววัยรุ่นสไตล์เกาหลี


ต้อนรับหน้าหนาวด้วยเสื้อกันหนาวเท่ห์ๆ


แฟชั่นเสื้อกันหนาวสไตล์เกาหลีสุดฮิป สุดคูล  สำหรับหนุ่ม ๆ ขี้หนาวที่ไม่อยากตกเทรนด์


          ในช่วงหน้าหนาวของแต่ละปี สังเกตได้ว่ามักจะมีแฟชั่นเสื้อกันหนาวสวย ๆ หลากแบบหลายสไตล์ออกมาล่อตาล่อใจให้ผู้ชายอย่างเราได้เลือกหามาใส่ให้หายหนาวกัน ซึ่งไหน ๆ ลมเย็น ๆ อากาศสบาย ๆ ก็เตรียมมาทักทายผิวกายของเราแล้ว กระปุกดอทคอมได้นำภาพเทรนด์เสื้อกันหนาวเท่ ๆ สไตล์หนุ่มเกาหลีมาให้ลองชมกัน เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อมาใส่ให้อุ่นกายไว้แต่เนิ่น ๆ แถมไม่ตกเทรนด์อีกด้วย ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีเสื้อกันหนาวแบบไหนที่เหมาะกับสไตล์ของคุณบ้าง







10 ทริคของผู้ชายอ้วน!!!

ถึงผู้ชายจะไม่ใส่ใจเรื่องแฟชั่นเท่าผู้หญิง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบแต่งตัวหล่อ ๆ จริงไหมครับ และการจะแต่งตัวให้ดูดีก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเรื่องรูปร่างมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ใครรูปร่างสมส่วนสูงสมาร์ทก็นับว่ามีชัยไปเกินครึ่งแล้ว แต่ถึงคุณจะเป็นคนที่มีรูปร่างออกแนวเจ้าเนื้อลงพุง หรือเป็นคนรูปร่างใหญ่แต่ไม่เฟิร์ม ก็ยังคงหล่อได้เหมือนกันนะอย่าเพิ่งท้อไป เรามีทริคการแต่งตัวให้ดูผอมลงมาฝากกันถึง 10 ข้อทีเดียว 

 1. แต่งกายด้วยสีดำ
          หลักสีเข้มช่วยพรางหุ่นยังใช้ได้ดีเสมอ และสีเข้มที่ขอแนะนำก็เป็นสีดำ สีขรึมที่ดูสมาร์ทสำหรับคุณผู้ชาย ใส่ได้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ตั้งแต่เสื้อ กางเกง รองเท้า แต่ถ้ากลัวว่าจะดูมืดเกินไป เบรกด้วยเข็มขัดสีน้ำตาลเข้มสักเส้นก็จะช่วยได้ครับ 





2. เลือกใส่สีโมโนโครม 

          แม้ว่าสีดำจะทำให้ดูผอมดี แต่ถ้าใส่แต่สีดำทุกวันก็คงมีอารมณ์เบื่อกันบ้าง ลองสลับสับเปลี่ยนด้วยสีโมโนโครม (monochrome) หรือสีหม่น ๆ ดูบ้าง อย่างสีน้ำตาล ม่วงเข้ม เทาแก่ สีกรมท่า ฯลฯ ก็ยังช่วยให้คุณดูมีรูปร่างเพรียวกว่าความเป็นจริง 





3. เสื้อลายทางเพิ่มความสูง 
          เสื้อลายทางแบบเป็นแนวดิ่งจะทำให้ช่วงตัวคุณดูยืดขึ้น และเมื่อดูตัวสูงขึ้นจึงทำให้รูปร่างดูผอมลงไปนิดหนึ่งได้ด้วย นับเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่คุณสมควรต้องมีไว้ประจำตู้เสื้อผ้า อ้อ ! แต่ว่าเน้นเฉพาะเสื้อลายทางเท่านั้นนะ ถ้าเป็นกางเกงลายทางฟังดูไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ 





4. เลือกเสื้อสูทแบบมีกระดุม 

          สำหรับโอกาสที่ต้องการความสุภาพเป็นทางการเป็นพิเศษ สูทคือเสื้อผ้าชิ้นที่จำเป็นมาก สำหรับหนุ่มรูปร่างอวบ ควรเลือกสูทแบบมีกระดุมจะดีกว่าสูทแบบไร้กระดุม เพราะคุณจะสามารถติดกระดุมตรงหน้าท้องได้เพื่อพรางพุงของคุณนั่นเอง มีประโยชน์สำหรับคนเอวหนาหรือว่าลงพุงมาก ๆ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นสูทที่สวมใส่ได้พอดีตัว ไม่เล็กไป ไม่อย่างนั้นจะติดกระดุมไม่ได้ และไม่ใหญ่เกินไปอันจะทำให้คุณดูอ้วนกว่าเดิมครับ 





5. หลีกให้ไกลเสื้อมีลาย 

          เสื้อพิมพ์ลายอาจดูแล้วแฟชั่นจ๋านำสมัยดี แต่คุณคงจำต้องยกเรื่องนี้ไว้ให้เฉพาะหนุ่มที่รูปร่างสมส่วนเท่านั้น เป็นความจริงที่น่าเจ็บปวดที่จะต้องยอมรับว่า ผู้ชายร่างอวบอย่างเราไม่ค่อยเข้ากับเสื้อที่มีลวดลายเท่าไหร่เลย ใส่ทีไรก็ยิ่งดูตัวใหญ่และอ้วนกว่าเดิม 





6. งดเสื้อยืดและเสื้อเชิ้ตแบบฟิต ๆ 

          คงไม่ดีแน่หากคุณใส่เสื้อแล้วตะเข็บข้างของมันถ่างหรือปริออกมา เพราะฉะนั้นหากรู้ว่าตัวใหญ่ก็ขอให้เลี่ยงที่จะใส่เสื้อผ้าฟิต ๆ อารมณ์ว่าพอดีตัวมาก ๆ เพราะถึงแม้คุณจะรู้สึกว่าใส่แล้วโอเคในช่วงอก แต่ช่วงเอวและพุงของคุณไม่โอเคด้วยแน่ ๆ เผลอ ๆ แค่ขยับเอี้ยวตัวซ้ายขวา ตะเข็บก็พาลจะปริแยกแตกออกมาให้ได้ ขืนใส่ออกไปข้างนอกต้องหน้าแตกแน่ ๆ 





7. เลี่ยงเสื้อแขนสั้น 

          หนุ่มร่างอวบมักไม่เฟิร์มที่ต้นแขนและพุง ซึ่งเสื้อแขนสั้นจะนำสายตาของผู้ที่มองมาให้โฟกัสไปที่ทั้งสองส่วนนั้นพอดี อันจะทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วนในสายตาคนอื่น ๆ ไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ (ก็ไม่ยอมพรางหุ่นเองนี่นา)





8. หากช่วงล่างใหญ่ให้เลี่ยงกางเกงสีกากี 

          ที่จริงแล้วกางเกงสีกากีเป็นหนึ่งในไอเทมแนะนำที่หนุ่ม ๆ ควรมีไว้ประจำตู้ แต่หากคุณเป็นคนอ้วนที่ลงช่วงล่างล่ะก็ กางเกงสีกากีไม่ว่าจะขาสั้นหรือขายาวก็กลายเป็นไอเทมต้องห้ามไปเลย เพราะความที่สีอ่อนจึงทำให้เอวคุณยิ่งดูหนา บั้นท้าย และขายิ่งดูใหญ่ ไม่ดีเลยจริง ๆ ครับ 






9. เสื้อหลวมคือตัวเลือกของคุณ 

          เสื้อผ้าหลวม ๆ ไม่ค่อยทำให้ใครดูดีนัก โดยเฉพาะกับคนผอม แต่สำหรับคนอ้วน แม้เสื้อผ้าหลวม ๆ จะไม่ได้ทำให้ดูผอมลงเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่รัดฟิตจนโชว์สัดส่วนที่แผละออกมา เสื้อหลวม ๆ จึงนับเป็นตัวเลือกที่น่าคบสำหรับหนุ่มเจ้าเนื้อ ซึ่งควรเลือกเสื้อที่หลวมมากพอที่จะพรางสัดส่วนของคุณได้ จากนั้นก็ให้ฟิตออกกำลังกายรีดน้ำหนักลดหุ่นเข้าไว้





10. ไม่ว่าจะเสื้อผ้าชิ้นไหน ขอให้เนื้อผ้าดูเบาสบายไว้ก่อน

          เรื่องเนื้อผ้ามักเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามไปเสมอเมื่อพูดถึงการแต่งตัวเพื่อพรางหุ่น ทั้งที่จริงแล้วมันก็มีส่วนสำคัญมาก สำหรับหนุ่มร่างอวบควรเลือกเนื้อผ้าให้บางเบาไว้ก่อนเป็นสำคัญ นอกจากจะใส่สบายแล้ว มันยังไม่ทำให้รูปร่างของคุณดูเทอะทะไปกว่าเดิมเหมือนการใส่เสื้อผ้าเนื้อหนา


ทำอย่างไรเมื่ออยากเป็นสาวเซ็กซี่

เทคนิคการแต่งตัวให้เซ็กซี่ มีเสน่ห์ไม่ให้โป๊ และดูโลว์คลาส


ผู้หญิงที่มีเซ้นส์เรื่องการแต่งตัวดี จะไม่มีวันบอกว่าการแต่งตัววับ ๆ แวม ๆ นุ่งน้อยห่มน้อย คือวิธีที่จะทำให้พวกเธอเซ็กซี่ได้แน่นอน จุดที่คั่นกลางระหว่างการแต่งตัวเซ็กซี่ กับการแต่งตัวที่ใคร ๆ เห็นก็บอกว่าแรงเห็นแล้วเซ็กส์เสื่อมนั้น เป็นเส้นบาง ๆ นิดเดียวเท่านั้นเอง ความเซ็กซี่คือลุคที่งามสง่า มีมาด ดูแล้วยวนยั่ว ส่วนแบบที่แต่งแล้วแรงนั้นดูฉูดฉาดแต่ไร้ราคา โป๊ และโลว์คลาส


1. เผยเนื้อหนังอย่างมีขอบเขต

หากคุณใส่เสื้อแขนกุดคอรูปหัวใจ ซึ่งโชว์เนินอกมากและเสื้อก็เข้ารูปอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ควรจะซ่อนช่วงเรียวขาเอาไว้ แต่ถ้าเครื่องแต่งกายท่อนล่างตัวเล็กและสั้นจุ๊ด ก็ต้องปกปิดร่างกายส่วนบนไว้บ้าง เป็นการสร้างความพอดี ความเซ็กซี่คือการสร้างความน่าค้นหา หาใช่การเปิดเผยให้เชยชมอย่างหมดจด (ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณเปลือยหรือแต่งตัวโป๊มันก็ไม่มีอะไรให้น่าค้นหาอีกต่อไป) เพราะฉะนั้นถ้าเปิดผิวส่วนไหนมากแล้ว ก็ต้องปกปิดส่วนอื่น ๆ ไว้บ้าง ให้มีความพอดี และยังเหลืออะไรที่ท้าทายให้ผู้มองรู้สึกอยากค้นหาต่อไป 

 2. โชว์แต่ส่วนที่น่ามอง

ถ้าหากว่ารอบเอวคุณมีห่วงยาง มันจะดีหรือถ้าคุณใส่เสื้อเอวลอย? ถ้าขาใหญ่บั้นท้ายหนา คงไม่สวยเท่าไหร่ที่จะใส่เลกกิ้ง จริงไหม การเผยผิวบางส่วนทำให้คุณดูเซ็กซี่ได้ แต่ก็มีข้อแม้ว่าส่วนนั้นควรจะเป็นส่วนที่สามารถเผยได้อย่างไม่น่าอายด้วย ตรงไหนสวยก็โชว์ แต่ถ้าไม่สวยก็ปกปิดมันไว้จะดีกว่านะ 

3. แต่งตัวเหมาะสมกับรูปร่างตัวเอง

หากว่าคุณผอมชะลูด ก็ต้องหาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วช่วยให้ดูมีเนื้อมีหนังมากขึ้น แต่ถ้าคุณค่อนไปทางเจ้าเนื้อ ก็ควรจะใส่อะไรที่ทำให้ดูเพรียวลง หลักการใส่เสื้อผ้าให้สวยและดูเซ็กซี่ก็มีง่าย ๆ เท่านี้เอง อย่าเลือกใส่เพราะเห็นว่าคนอื่นใส่แล้วดูสวยเซ็กซี่ดี เพราะสรีระของคนเรานั้นแตกต่างกัน เลือกแบบที่สวยและเหมาะสมลงตัวกับคุณที่สุดดีกว่า สวยและเซ็กซี่ในแบบของตัวเอง ดีออกจะตายไปนะ 

4. แต่งให้เหมาะสมกับโอกาส

ไม่มีเสื้อผ้าชุดไหนที่คุณจะเลือกใช้เป็นชุดเก่งใส่ควบไปได้ทุก ๆ โอกาสหรอก ชุดไปเที่ยวกับชุดไปงานแต่งงานของคุณจึงไม่ใช่ชุดเดียวกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ อีกข้อหนึ่ง หากว่าคุณไปพบพ่อแม่ของฝ่ายชาย เดรสรัดรูปโชว์สัดส่วนที่คุณใส่แล้วมั่นใจว่าฉันสวยแน่ ยังไงก็ไม่เหมาะกับโอกาสนี้เลย

5. แต่งให้พอดี "อย่าเยอะ"

รักษาระดับการแต่งตัว แต่งหน้า รวมถึงการใช้เครื่องประดับของคุณให้พอดี ๆ แล้วคุณจะมั่นใจได้ว่าที่คนหันเหลียวมามองคุณศีรษะจรดเท้านั้น ก็เพราะคุณสวยเซ็กซี่เตะตา ไม่ใช่เพราะว่าคุณแต่งตัวเป็นตัวประหลาด หากชุดนั้นมีรายละเอียดเยอะอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องประดับให้ดูหนักเกินไป หน้าตาก็ยิ่งไม่ต้องแต่งจัด แต่ถ้าชุดดูเรียบง่ายเหลือเกิน ให้เพิ่มการแต่งหน้าที่น่าค้นหามากขึ้น บวกเครื่องประดับชิ้นสวย ๆ เก๋ ๆ ให้เป็นตัวเด่นสักหน่อย เท่านี้ก็มั่นใจได้ว่าคุณยังคงสวยได้ไม่น้อยหน้ากว่าใครเลยล่ะ 











Hi-end Sneaker

ต้องยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีทองของรองเท้าผ้าใบจริง ๆ เพราะจะเห็นว่าสาว ๆ หลายคนหันมาใส่แทนรองเท้าส้นสูงกันเพียบ ก็เพราะมันใส่สบายไม่เจ็บเท้านี่เนอะ แต่สาวไฮโซคนไหนที่ไม่ยังคิดไม่ตก ว่าจะหันมาใส่รองเท้าผ้าใบดีไหม ขอบอกเลยว่าดีเยี่ยม เพราะเดี๋ยวนี้แบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์ ต่างก็ผลิตรองเท้าผ้าใบออกมาเอาใจสาว ๆ กันใหญ่แล้ว

Burberry 

          แบรนด์จากเมืองผู้ดีอังกฤษ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงลายสก๊อตสีครีม ซึ่งแน่นอนว่ารองเท้าผ้าใบหลายตัวจากแบรนด์นี้ ก็ต้องมีลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผสมรวมเข้าไปด้วย แต่บางตัวก็เป็นสีเรียบ ๆ ซึ่งแต่ละตัวก็เน้นให้ใส่ได้ทุกโอกาส จึงออกมาเป็นแบบที่ดูเรียบง่ายแบบไม่เยอะจนเกินไป สมแล้วแหละที่เป็นแบรนด์จากอังกฤษ ที่เน้นความเรียบหรูไม่ลงรายละเอียดมากมาย ใครชอบรองเท้าแนวนี้จัดไปเลย สนนราคาอยู่ที่ราว ๆ 350-500 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,000-15,000 บาท)




Miu Miu 

          แบรนด์ลูกของแบรนด์สุดหรู Prada ที่จะเน้นความน่ารักฟรุ้งฟริ้ง ดีไซน์สมัยใหม่ และราคาย่อมเยา (มั้ง) กว่าแบรนด์แม่ ด้วยความที่ดีไซน์ของไอเทมดูเก๋กู้ด จึงไม่แปลกใจว่าทำไมสาว ๆ วัยรุ่นใจละลายกันเป็นแถว ๆ ยิ่งรองเท้าผ้าใบของแบรนด์นี้ใส่แล้วดูเก๋ดูน่ารักจนบรรยายไม่ถูก เพราะดีไซน์ดูเรียบ แต่ยังมีความแวววาวของกากเพชรที่ดูซน ๆ อยู่ด้วย ส่วนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 500-700 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15,000-20,000 บาท) 




Golden Goose

          สาวเซอร์กระเป๋าหนักต้องชอบรองเท้าผ้าใบแบรนด์นี้แหง ๆ เพราะแบรนด์นี้ออกแบบรองเท้าผ้าใบได้เป็นเอกลักษณ์และแนวสุด ๆ โดยจะทำให้เหมือนรองเท้าผ้าใบดูเก่าเซอร์อย่างกับของมือสอง รองเท้าบางคู่ก็โดนทำให้พื้นรองเท้าเปรอะเปื้อน บางคู่ก็อย่างกับคลุกดินทรายมาจากโรงงานผลิตอย่างไรอย่างนั้นเลย แต่ที่เห็นว่ามันเซอร์แบบนี้ ราคาก็ไม่เซอร์ตามเลยนะ เพราะราคาของรองเท้าผ้าใบแบรนด์นี้อยู่ที่ราว ๆ 500-700 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15,000-20,000 บาท) 




Saint Laurent

          ด้วยความเรียบง่ายมาผสมผสานกับความทันสมัย จึงทำให้รองเท้าผ้าใบจาก Saint Laurent เป็นไอเทมที่สาว ๆ ควรมีเป็นอย่างยิ่ง โดยรองเท้าผ้าจากแบรนด์นี้ใส่ง่ายด้วยสีสันที่ไม่ฉูดฉาด รูปทรงทันสมัย และสามารถใส่ได้ทุกโอกาส ซึ่งมีทั้งแบบสลิปออน แบบหุ้มข้อ และไม่หุ้มข้อที่ให้สาว ๆ เลือกได้ตามใจชอบ บอกเลยไม่ว่าจะสาวหวานหรือสาวเท่ก็เลือกรองเท้าผ้าใบจากแบรนด์นี้ไปใส่ได้ทั้งนั้นเลยจ๊ะ ส่วนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 500-800 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15,000-25,000 บาท)




Celine 

          สาว ๆ ผู้รักแฟชั่นแบบเรียบหรูจะได้กรี๊ดกันแล้ว เพราะแบรนด์สุดโปรดของสาวไฮโซหลายคน อย่าง Celine ไม่ได้มีแต่กระเป๋าอย่างเดียวที่โดนใจผู้หญิง แต่ยังได้ออกรองเท้าผ้าใบมาไว้ให้สาวกระเป๋าหนักได้ใส่เดินเล่นชิล ๆ ในวันสบาย ๆ อีกด้วย โดยรองเท้าผ้าใบของแบรนด์นี้จะออกมาในแนวเรียบง่าย สามารถหยิบมามิกซ์ แอนด์ แมตช์ได้หลายชุด ซึ่งมีทั้งแบบสลิปออนและหุ้มข้อให้เลือกใส่กัน สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 600-1,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 18,000-30,000 บาท)




 Valentino 

          สาว ๆ คนไหนที่ติดตามแฟชั่นอยู่เสมอ จะรู้ดีว่าแบรนด์ Valentino ดีไซน์รองเท้ามาแต่ละคู่ไม่เคยทำให้สาว ๆ ผิดหวัง เพราะมันจะสวยมีเอกลักษณ์ ใส่ไปแล้วใคร ๆ ก็รู้ว่าจะต้องเป็นรองเท้าแบรนด์นี้แน่ ๆ ด้วยความมีเอกลักษณ์ตรงหมุด ที่ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าผ้าใบ ก็ยังต้องมีหมุดอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ติดอยู่ด้วยเสมอ ส่วนราคาของรองเท้าผ้าใบก็อยู่ที่ประมาณ 800-900 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,000-30,000 บาท)




Christian Louboutin

          รองเท้าแบรนด์นี้มีเอกลักษณ์ตรงที่พื้นรองเท้าจะเป็นสีแดง ซึ่งเรียกได้ว่ารองเท้าส้นสูงจาก Christian Louboutin เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สาว ๆ ใฝ่ฝันอยากจะมีครอบครองกันสักคู่ แต่ถึงแม้ว่ารองเท้าส้นสูงจะเป็นไอเทมฮอตของแบรนด์นี้ แต่รองเท้าผ้าใบก็สวยน่าซื้อเก็บไม่แพ้กันเลย แถมพื้นรองเท้าผ้าใบก็ยังเป็นสีแดงและมีหมุดประดับด้วยนะ ใครชอบรองเท้าผ้าใบแนวเท่ ๆ ต้องจัดแบรนด์นี้ด่วน ๆ เลย  สนนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 1,000-1,600 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30,000-50,000 บาท)




Versace

          แบรนด์หรูหราล้ำค่าที่มีสัญลักษณ์เป็นโลโก้หัวเมดูซ่า ก็ผลิตรองเท้าผ้าใบมาได้โดนใจสาววัยรุ่นไม่น้อย โดยรองเท้าผ้าใบหลายรุ่นจากแบรนด์นี้ มักจะออกมาเป็นรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ โดยเน้นการใช้สีทอง ดำ และขาวเท่านั้น ดูแล้วเรียบง่ายแต่โดดเด่นด้วยหัวเมดูซ่าสีทองอร่าม ที่ใครมองมาก็รู้ว่าคุณน่ะใส่รองเท้ายี่ห้อ Versace สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30,000 บาท)




Chanel

          แบรนด์โปรดที่ครองใจผู้หญิงทั่วโลกอย่าง Chanel ก็ไม่พลาดที่จะออกรองเท้าผ้าใบมาเอาใจสาว ๆ สมัยใหม่เหมือนกัน โดยรองเท้าผ้าใบแน่นอนว่าต้องมีมีสัญลักษณ์อักษร C ไขว้ติดอยู่ รวมทั้งรุ่นที่เซเลบริตี้ต่างก็หยิบมาใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง คือรุ่นที่มีการผสมผสานผ้าทวีด (Tweed) อันเป็นผ้าที่โดดเด่นที่สุดของแบรนด์นี้บนรองเท้าผ้าใบด้วย บอกเลยว่ารองเท้าผ้าใบแบรนด์นี้สวยหรูจริง ส่วนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 900-1,000 เหรียญ (ประมาณ 28,000-30,000 บาท)




Giuseppe Zanotti 

          รองเท้าผ้าใบจากแบรนด์อิตาลีชื่อดังแบรนด์นี้ ดูสวยหรูและแนวไม่เหมือนใคร แถมพวกเซเลบริตี้ทั้งไทยและเทศก็ยังชื่นชอบรองเท้าจากยี่ห้อนี้กันมาก ๆ เลยทีเดียว โดยรองเท้าผ้าใบจากแบรนด์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบหุ้มข้อ แถมใส่รายละเอียดบนรองเท้ามากมาย ทั้งสายรัด ซิป แถมยังมีโน่นนี่ห้อยไปหมด ใครที่ชอบความเยอะบอกเลยพลาดไม่ได้จ้า สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 600-1,500 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 18,000-40,000 บาท) แพงกระเป๋าฉีกเลยใช่ไหมล่ะ 






Wanna be COWBOY


COWBOY


การแต่งกายคาวบอยทุกวันนี้ แต่ละคนก็ศึกษากันไป ส่วนใหญ่ได้ความรู้จากพ่อค้าแม่ค้าแถว JJ หรือดูจากหนังคาวบอย เวลาไปงานคาวบอย เราจึงเห็นมีสไตล์หลากหลาย
ส่วนใหญ่ได้สไตล์มาจากเสื้อผ้าของพวกนักแสดงสดคาวบอย หรือ Singing Cowboys อย่าง Gene Autry หรือ Roys Rogers ซึ่งไม่ใช่สไตล์ที่ใช้จริงในสมัยก่อน มันเป็นสไตล์ตามใจฉัน แบบเอาสวยเด่นเข้าว่า เหมือนเครื่องแต่งกายนักร้องลูกทุ่งไทยนั่นแหละ
แต่ในการแข่งขัน Cowboy Fast Draw หรือ Cowboy Action Shooting เขามีกติกาว่า ให้แต่งคาวบอยแบบยุค 1800 จะถูกต้องที่สุด แต่อนุโลมให้แต่งแบบพวก Rodeoและ working cowboy ได้
ดังนั้นจึงมีการแนะนำร้านค้าที่ผลิตชุดคาวบอยที่ถูกกับกติกาการแข่งขันไว้หลายแห่ง โดยโฆษณากันว่า เป็นแบบที่ historically correct of 1800sผมจึงอยากจะมาแนะนำให้รู้จักกันไว้ และเผื่อใครอยากได้ ก็สั่งซื้อ สั่งตัด โดยตรงจาก USA ได้เลย เรามี Marlboro เป็นผู้ช่วยเหลืออยู่แล้ว และอยากแนะนำให้ทำเป็นธุรกิจเล็กๆ ส่วนตัวได้เลยครับ ให้แฟนช่วยสั่ง นำเข้า บวกค่าเหนื่อยที่เหมาะสม พวกเราก็จะได้มีชุดคาวบอยที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ได้ใส่ออกงานกัน










เลือกสูทและวิธีใส่ให้ดูดี ที่ผู้ชายควรทราบ

แนะวิธีการใส่สูทที่ถูกต้อง


วิธีใส่สูท



หลายๆคนจำเป็นต้องใส่สูทในโอกาสพิเศษหลายๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงคอกเทล งานแต่งงาน งานคืนสู่เหย้า งานศพ หรือการไปสัมภาษณ์งาน การดูเท่เมื่อใส่สูทจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ขั้นตอนการทำให้ดูดี ได้แก่

1.เลือกสูทให้พอเหมาะกับตัว 

ไม่หลวมเกินไปจนกลายเป็นถุงมันฝรั่งหรือไม่คับเกินไปจนดูเหมือนข้าวต้มมัด เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นเรื่องแรก ก่อนที่จะคิดถึงสี สูทสำเร็จรูปในเมืองไทยมีทุกช่วงราคาตั้งแต่ พันกว่าบาทจนไปถึงหลักหมื่น และอัพเกรดขึ้นไปหลายๆหมื่นจนเป็นแสนก็มี สามารถเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย แต่เมืองไทยมีร้านตัดเสื้อผ้ามากมาย ค่าตัดก็ไม่แพงมากเหมือนกับเมืองนอก จึงควรมีสูทดีๆที่ตัดพอดีตัวเราไว้ไว้ซักตัว เลือกร้านตัดสูทที่หน้าตาดูดีหน่อย (กรณีนี้หลีกเลี่ยงร้านตัดสูทโหลนะครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว)




2.เนื้อผ้าก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น

 สูทจะดูดีถ้าตัดจากผ้าเนื้อดี และเลือกผ้าที่ดี(แน่นอนว่าแพงกว่าบ้าง แต่คุ้มครับ) กรณีสูทชุดเก่ง ขอแนะนำผ้าวูลเนื้อดีๆ เช่นผ้าคาร์เบอร์ดีนเนื้อละเอียด (Superfine Luxury Royal Caberdine Wool) เป็นผ้าวูลเนื้อละเอียดที่ผลิตในอังกฤษ ตัดสูทแล้วจะดูไม่หนาเทอะทะ ใช้กับสภาพอากาศเมืองไทยได้ ข้อดีของผ้าชนิดนี้คือยับได้ยากมากๆ ต่อให้ขยุ้มเนื้อผ้ามาขยำขยี้ให้สุดแรง เมื่อปล่อยมือก็จะคลายตัวกลับคืนสภาพเดิม ราคาผ้าคาร์เบอดีนเมื่อตัดสูทเป็นแจ็คเกต 1 ตัว กางเกง 2 ตัว (ซับในถึงเข่า) รวมค่าตัดตกประมาณหมื่นเศษๆ นอกนั้นก็จะเป็นผ้าโพลีเยสเตอร์ผสมขนวูล ผ้าทรอปิคอล ผ้าลินิน(ยับง่ายมาก แต่ก็ดูสวยแบบเบาๆ) ให้เลือกใช้ สำหรับผ้าสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีนาโนก็น่าสนใจ แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้จึงขอผ่านไปก่อน




3.การใส่สูทให้เท่

-เสื้อเชิร์ตควรกลัดกระดุมทุกเม็ดที่มี รวมทั้งกระดุมเม็ดเล็กช่วงแขนต่อจากข้อมือ และกระดุมปกเชิร์ต(ถ้ามี) สำหรับกระดุมคอเม็ดบนสุดอาจจะมีปัญหาสำหรับคนที่คออวบไปหน่อย ถ้ากลัดแล้วหายใจไม่ออก พาลจะเป็นลมก็ยกให้ซักเม็ดนึงก็ได้ แต่ถ้ากลัดได้ก็ควรกลัด หรือไม่ก็ใช้บริการร้านตัดเสื้อแทนการซื้อเสื้อสำเร็จรูป
-เสื้อแจ็คเกต (เสื้อสูท) ถ้าเป็นสูทกระดุม 2 เม็ด กลัดเฉพาะเม็ดบน
-สูทกระดุมสามเม็ด กลัดเม็ดกลางและเม็ดบน (เม็ดบนไม่กลัดก็ได้ ไม่ว่ากัน)
-ไม่ต้องกลัดกระดุมเลยก็ได้ ไม่ผิดธรรมเนียมอะไร แต่ถ้าไปงานเป็นทางการ ควรกลัดกระดุมตาม 2 ข้อข้างบน
-แต่ไม่ควรกลัดกระดุมให้ครบทุกเม็ด ยกเว้นแต่ไปงานศพ ข้อนี้ขอนะครับ บางคนเค้าถือ และเชยยยยยย
- เมื่อนั่งบนเก้าอี้/ที่นั่ง ควรปลดกระดุมออกทุกเม็ด และปล่อยชายเสื้อให้คลุมลงไปสองข้างเก้าอี้ เพื่อที่จะให้นั่งได้สบาย และสูทไม่โดนดึงรั้งจนเสียทรง และเมื่อจบภารกิจการนั่ง ลุกขึ้นยืน ก็ควรกลัดกระดุมคืน (ขั้นตอนการกลัดกระดุมจะเป็นโอกาสดีที่จะให้ท่านได้โชว์นาฬิกาปาเต๊ะฟิลลิปส์ที่ท่านสวมอยู่ อย่างแนบเนียน)
- ฝากระเป๋าเสื้อสูท หลายๆคนชอบยัดเข้าไว้ข้างในกระเป๋า กรุณาเอาออกมาไว้ข้างนอกตามที่มันควรจะเป็นครับ เพราะมันมีหน้าที่ของมันคือป้องกันหิมะ น้ำฝน ฝุ่น ไม่ให้หล่นเข้าไปในกระเป๋า และป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นรอยขี้มือที่เกิดจากการชอบเอามือล้วงกระเป๋า)



Casual

หากมีใครสักคนถามคำถามกับคุณว่า “คุณแต่งตัวแนวไหนหรือ?” บางทีคุณอาจจะตอบเขาไปแบบไม่คิดอะไรมากว่า “ก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรมากหรอก ชอบแต่งแบบสบายๆน่ะ” ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยินดีด้วย แสดงว่าคุณแต่งแนว Casual อยู่ครับ มันเป็นสไตล์ที่เรียบง่าย ดูดี เข้าได้กับทุกสถานการณ์ และแน่นอน มันมีความเป็นตัวคุณ!

Casual Style ถือกำเนิดขึ้นบนโลกแห่งแฟชั่นมานานหลายยุค หลายสมัยแล้ว และถูกดัดแปลง ปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยและเทรนด์อยู่ตลอดเวลา โดยมากมักจะเป็นสีแบบ เอิร์ธโทน ใช้สีเรียบๆ แต่ปัจจุบันผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นจำนวนมาก มักจะมีคอลเลคชั่นสำหรับใส่ในชุดลำลองสบายๆ และหลากหลายขึ้นออกมาเอาใจตลาดอยู่เสมอๆทุกๆฤดูกาล เพราะตลาดของชุดลำลองนั้นใหญ่มาก กว้างมาก ใครๆก็มักจะมีชุดที่เรียบง่ายติดไว้ประจำตู้เสื้อผ้าอย่างน้อยก็1-2ชุด ไว้ไปแมตซ์กับชุดอื่นๆที่เข้ากันได้ ในวันที่ต้องการ

คำถามก็คือ แล้วยังไงล่ะ แต่งแบบเรียบง่าย สบายๆ เสื้อยืด กางเกางยีนส์ตัวเดียวจบไหม จบครับสามารถทำได้ แต่ถ้าคุณหรือคนข้างๆตัวคุณไม่เบื่อตัวคุณเองเสียก่อน ที่แต่งตัวอยู่โทนเดียวทั้งปีทั้งชาติ และไสตล์Casual มันไม่ได้มีอยู่แค่นั้นจริงๆครับ วันนี้เราจะลองมาดูกันครับว่า Casual นี่มันแค่ไหนยังไง แต่งอย่างไรได้บ้าง และมาอัพสกิลแบบสบายๆนี้กัน ไปด้วยเลยครับ 

เสื้อยืด กางเกงยีนส์

มันคือความลงตัวแบบสุดๆจริงๆ สำหรับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ มันช่วยให้คุณดูเป็นคนที่ลุยได้ทุกสถาณการณ์ สบายๆ แต่ก็ดูดี กระฉับกระเฉง








เสื้อยืด กางเกงยีนส์ และแจ็คเก็ต

ในบางวันที่รู้สึกว่าแค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์อาจจะไม่พอ คุณแค่ลองหาแจ็คเก็ตเรียบๆสักตัวมาสวมทับอีกชั้น โดยที่วันนั้นอาจจะเป็นวันที่อากาศร้อนต้องออกแดด และไม่อยากให้ผิวประจันหน้ากับUVโดยตรง ในวันที่อากาศเย็น หรือฝนโปรยปรายเบาๆ ก็ใช้แจ็คเก็ตตัวนั้นห่อหุ้มอกสามศอกของคุณได้ เมื่อนำมารวมกันแล้วจะช่วยให้เกิดลูกเล่นที่สนุกขึ้นเยอะเลยทีเดียว โดยคุณอาจจะเปลี่ยนจากเสื้อยืดเป็นเสื้อเชิ้ตก็ยังได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ชุดในวันนั้นดูเป็นทางการขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณมีคาแร็คเตอร์ที่แปลก และดูลุยมากขึ้นด้วย ซึ่งผมจะกล่าวถึงในย่อหน้าต่อไป



เสื้อเชิ้ต กางเกงสแลค หรือชิโน

เสื้อเชิ้ต กางเกงสแลค หรือมาเต็มกับเสื้อสูท รวยสมาร์ทแบบนักธุรกิจก็ยังอยู่ในสไตล์Casual เช่นกันครับ หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่ แต่จริงๆแล้ว แก่นของCasualนั้นกว้างขวาง และประยุกต์ได้มากมายจริงๆ 
ในลักษณะนี้จะเป็นไปในแบบกึ่งทางการ แต่ก็ยังเน้นดูเรียบง่ายอยู่ หากคุณอยากจะอินเทรนด์ดี้หน่อย ขอแนะนำให้ใช้กางเกงชิโน ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกใส่เกือบทุกสี ทุกไซส์ ทุกทรงแล้ว เจ้าชิโนนี่สามารถประยุกต์ได้หลากหลายครับ ทั้งดูดี สะอาดเรียบร้อย และเมื่อพับขึ้นสักสองชั้นก็จะกลายเป็นทันสมัยขึ้นมาอีก แต่ไม่ทางการมาก 


ตอน: Denim fashion

เทรนด์แฟชั่นยีนส์ประจำซัมเมอร์ 2014 ยิ่งใส่ ยิ่งฮ็อต 

1. ดิบๆ ริมแดง มาดดุเข้ม แต่ยิ่ง fade ยิ่งสวย
Indigo Denim หรือยีนส์ผ้าดิบที่ไม่ผ่านการฟอก เหมาะแก่การนำมันปั้นให้เป็นไปตามความชอบหรือบุคลิกภาพของเรา 
หากจะเลือกซื้อยีนส์ดิบมาปั้นมาเฟดให้ได้สมอารมณ์หมาย ให้เลือกยีนส์ที่ใช้ผ้า Selvedge หรือเรียกแบบบ้านๆว่า “ริมแดง” ซึ่งเป็นผ้าริม ทอแน่นกว่าผ้าตรงกลางผืน ทำให้เนื้อผ้าทนต่อการขยำขยี้ ทำให้ขึ้นลายได้สวยโดยเนื้อผ้าไม่เสียหาย






2. แจ็คเก็ตมาแรง
ปีนี้แจ็คเก็ตผ้ายีนส์มาแรง  ไม่ว่าจะเป็นยีนส์ผ้าดิบ ยีนส์ขาว ยีนส์ฟอก หรือแม้แต่ยีนส์สี โดยยึดแพทเทิร์นสไตล์ 80s เป็นหลัก 




3. สีจางๆ fadeกระจุย ฟอกระจาย เก๋อย่าให้เซด!
ซัมเมอร์นี้ ทั้งยีนส์ที่เฟดออกจนซีด หรือการใช้วิธีฟอกจนขาว ก็ฮ็อตสุดๆ เข้ากับหน้าร้อน ใส่ได้ทั้งหญิงและชาย ให้ลุคสบายๆ จับคู่กับสีขาว ครีม หรือเขียวน้ำทะเลได้ดี 




4. ขาด ปะ ลุ่ย โชว์ประสบการณ์ 
ฮิตยีนส์ผ้าดิบ ยีนส์เฟด ยีนส์ฟอกแล้วจะไม่พูดถึง ยีนส์ลุ่ย และ Patchwork ก็คงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเทรนด์แพทช์เวิร์คที่กลับมาแบบเหนือความคาดหมาย สำหรับใครที่รักการ DIY ก็เชิญแต่งกันตามสบาย หรือจะเพิ่มเป็นหมุด โซ่ หรือตราอาร์มก็ไม่หลุดเทรนด์แต่อย่างใด




5. ได้เวลาขุดเอี๊ยม ออกจากกรุ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่กระแสแฟชั่น 80s มาแร๊งงงง ซะจนแฟชั่นชุดเอี๊ยมได้กลับมายังวงโคจรของแฟชั่น แต่ใครที่คิดจะแต่งชุดเอี๊ยมก็ต้องเลือกดีๆหน่อย ไม่งั้นอาจจะดูเหมือนพ่อหมีแม่หมี หรือเด็กอนุบาลได้




6. โชว์รองเท้า โชว์ข้อเท้า 
สำหรับคนที่ชื่นชอบยีนส์ และ สตรีทแฟชั่น รองเท้าถือเป็นไอเท็มตัวเก่งที่ต้องโชว์ แฟชั่นซีซั่นนี้เลยสนับสนุนให้คุณโชว์รองเท้า และข้อเท้าสวยๆ พับชายกางเกงของคุณขึ้นมาสูงๆ ไม่ต้องกลัวอาย เพราะมันเป็นสไตล์ที่กำลังอินสุดๆ ไปเลย